Niacinamide

ต่อกันที่ภาค 3 ของการเจาะส่วนผสมหลัก Ageless เพื่อหาตัวทดแทน
วันนี้ถึงคิวของ Niacinamide หรือวิตามิน B3 นั่นเอง ใน ageless ใส่มา 5%⠀

—⠀

ตัว B3 เองเป็นสารที่นิยมใส่ในสกินแคร์ เพราะช่วยแก้ปัญหากว้างๆ ได้หลากหลาย เช่น รักษาสิว ปรับสีผิว ลดจุดด่างดำ รูขุมขน หรือป้องกันริ้วรอย ประสิทธิภาพก็มากน้อยต่างกันออกไป⠀
แต่ส่วนใหญ่ที่ชอบเคลมกันคือคุณสมบัติในการเป็น Whitening ช่วยให้ผิวดูขาวขึ้น เพราะไปช่วยยับยั้งการขนย้ายถุงเม็ดสีเข้าสู่เซลล์ผิว⠀

ซึ่ง Niacinamide 4% นั่น มีงานวิจัยว่าสามารถรักษาสิวได้ ส่วน 5% ถ้าใช้ต่อเนื่องนาน 2 เดือน ก็สามารถลดการผลิตน้ำมันบนชั้นผิวได้⠀
นอกจากนี้ก็ยังมีงานวิจัยในเรื่องลดการอักเสบที่เกิดจากเชื้อ P.acne เพิ่มการไหลเวียนของเลือด แถมยังเป็น antioxidant อีก (จริงๆ มาดามเกรียน เคยบอกว่ารักษาฝ้าตื้นๆ ได้นิดหน่อยด้วยนะ แต่ต้องทาทุก 3 ชม. ทั้งวัน คงไม่มีใครทำได้ 🤣🤣)⠀

และล่าสุดที่คุณหมูดำ (คุโรบูตะ) เพิ่งโพสไป ว่ารวมพลังดับเบิ้ลบี (B3 + BHA) ใช้ลดรูขุมขน ทำให้กระชับขึ้นได้ดีกว่าใช้เดี่ยวๆ ด้วยจ้า ⠀


ถือว่าเป็นสารราคาไม่แพงที่มีสรรพคุณรอบด้าน เผลอๆ ดีกว่าสารราคาแพงบางตัวอีกมั้งเนี่ย ไม่แปลกใจที่จะเป็นที่นิยมใส่มาในสกินแคร์⠀
แถมหาได้ไม่ยากเลยในตัวทดแทน Real Barrier Cicarelief Gel Balm หรือตัวเด็ดอย่าง Logiacally Skin Aquatide Resurface Serum ที่จะพูดถึงตอนหน้า ก็มีเหมือนกัน⠀

บางแบรนด์เคลมว่าใส่มาถึง 10% แต่ถ้าถามว่ายิ่งใส่เยอะจะยิ่งเห็นผลดีขึ้น ไวขึ้นไหม ก็คงจะบอกว่าไม่ เพราะใส่มาแค่ 4-5% ก็เห็นผลแล้ว ยิ่งใส่เยอะจะยิ่งเสี่ยงต่อการระคายเคืองมากกว่า⠀
มาดามบอกไว้ว่าเหนืออื่นใด คือเรื่องเบสการนำพาเข้าสู่ผิว เพราะสินค้าประเภทเดียวกัน ใส่ % สารมาเท่ากัน จะตัดสินกันก็ตรงนี้แหละ ว่าใครจะนำพาสารเข้าสู่ผิวได้ดีกว่ากัน พื่อให้เห็นผลลัพธ์มากที่สุด⠀

Leave a Reply